วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“วัณโรค” อาการไอธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา



วัณโรคเกิดจากเชื้อแบคทีเรียตัวหนึ่งชื่อ มัยโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลลิส เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นแท่งแบคทีเรียตัวนี้มีผนังเซลล์เป็นไข เมื่อเอาไปย้อมสีแดงฟุกซีนแล้ว จะล้างด้วยแอลกอฮอล์ที่เป็นกรดไม่ออก ทำให้มันมีลักษณะที่แตกต่างจากแบคทีเรียตัวอื่นๆ

เชื้อวัณโรคเป็นเชื้อที่ชอบออกซิเจน มันต้องการออกซิเจนสูงในการเจริญเติบโต ดังนั้นในเนื้อปอดที่เป็นที่รับเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายของเราจึงเป็นที่ที่เชื้อวัณโรคชอบเป็นพิเศษ และที่ที่มีออกซิเจนเข้มข้นที่สุดในเนื้อปอดก็คือ ยอดของปอดทั้งสองข้าง ดังนั้นเราจึงพบรอยโรคของวัณโรคปอดเกิดที่ยอดของปอดเป็นส่วนมาก

อาการแสดง อาการของวัณโรคในระยะเริ่มแรก มักจะไม่มีอาการอะไรที่เป็นที่น่าสังเกตเด่นชัด บางครั้งเราเอกซเรย์พบรอยแผลในปอดก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการเสียด้วยซ้ำไป และอาการไข้มักจะเกิดขึ้นในระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ หลังจากได้รับเชื้อไข้ที่เป็นก็เป็นไข้ต่ำๆ ไข้ขึ้นเป็นเวลา เช่น เวลากลางคืนอุณหภูมิของร่างกายที่เพิ่มขึ้นในโรคนี้ไม่มาก ดังนั้นบางคนก็ไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำไปว่ามีไข้ อาจจะรู้สึกเพียงเหงื่อออกมากเวลากลางคืนเท่านั้น ส่วนอาการอื่นๆ ที่พบได้ก็คืออาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ร่างกายผอมลง ซึ่งกว่าจะผอมก็แปลว่าเป็นวัณโรคมานานแล้ว มีไม่น้อยที่ผู้ป่วยยังคงมีน้ำหนักคงเดิม

นอกจากนี้ก็มีอาการไอ ซึ่งผู้ป่วยมักจะเข้าใจว่าเป็นอาการไอที่เกิดขึ้นเป็น "ธรรมดา" เพราะสูบบุหรี่ เสมหะที่ออกมาไม่มีกลิ่น สีออกเขียวหรือเหลือง อาการไอเป็นเลือดในระยะแรกอาจจะเป็นเพียงเลือดที่ออกปนมากับเสมหะเป็นสายๆ เท่านั้นเอง เมื่อเกิดโพรงในปอดจึงจะมีเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ

การป้องกัน เนื่องจากในประเทศไทยมีรายงานว่า โดยเฉลี่ยประชาชนมีอัตราติดเชื้อประมาณร้อยละ 40 ดังนั้นจึงต้องป้องกันโรคนี้โดยการให้ภูมิคุ้มกันบี ซี จี ซึ่งเราก็ทำกันตั้งแต่แรกเกิดในทารกที่คลอดในโรงพยาบาลทุกรายอยู่แล้วเพื่อหวังที่จะลดการติดโรค

เนื่องจากเชื้อวัณโรคแพร่ได้เร็วเพราะผู้ป่วยวัณโรค 1 ราย สามารถแพร่เชื้อให้กับคนใกล้ชิดได้ประมาณ 10 รายต่อปี หากจะคิดเล่นๆ ว่าผู้ป่วย 700,000 คนแพร่เชื้อได้ทุกคนใน 1 ปี ก็จะมีผู้ได้รับเชื้อถึง 7 ล้านคนภายใน 2 ปี ก็จะมีผู้รับเชื้อถึง 70 ล้านคน หากเป็นดังนี้จริงประเทศไทยทั้งประเทศก็จะเป็นวัณโรคกันหมด แต่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นมาเมื่อ 50 ปีก่อนเท่านั้น ปัจจุบันวัคซีนบี ซี จีได้ช่วยลดอัตราการเกิดวัณโรคลงไปได้มากแล้ว

การปฏิบัติตัว ทุกคนควรจะได้รับการเอกซเรย์ปอดทุกปีเป็นประจำ เพื่อเป็นการวินิจฉัยโรคให้ได้เสียแต่เนิ่นๆบุคคลที่ควรเอกซเรย์ทันทีก็คือ ผู้ที่ไอเรื้อรังติดต่อกันนานกว่า1 เดือน หรือไอมีเลือด หากคนในบ้านเป็นวัณโรค สมาชิกในครอบครัวควรได้รับการเอกซเรย์ในปอดเป็นระยะๆ หากในบ้านมีเด็กอ่อนด้วยจะต้องให้ยาไอโซไนอาซิดแก่เด็กเป็นเวลา 1 ปี

การดำเนินของโรค ปัจจุบันวัณโรคเป็นโรคที่รักษาหายขาดได้ แต่ว่าต้องอาศัยการกินยาที่ยาวนานกว่าการรักษาโรคอื่นๆ หากเป็นโรคนี้ขึ้นมาไม่ควรท้อแท้ ควรไปรับการรักษาตามเวลาที่แพทย์นัด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น