วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้

10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ1 Bugatti Veyron $1,700,000
อันดับ1 Bugatti Veyron $1,700,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ2 Lamborghini Reventon $1,600,000
อันดับ2 Lamborghini Reventon $1,600,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ3 McLaren F1 $970,000
อันดับ3 McLaren F1 $970,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ4 Ferrari Enzo $670,000
อันดับ4 Ferrari Enzo $670,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ5 Pagani Zonda C12 F $667,321
อันดับ5 Pagani Zonda C12 F $667,321
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ6 2009 SSC Ultimate Aero $654,000
อันดับ6 2009 SSC Ultimate Aero $654,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ7 Saleen S7 Twin Turbo $555,000
อันดับ7 Saleen S7 Twin Turbo $555,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ8 Koenigsegg CCX $545,568
อันดับ8 Koenigsegg CCX $545,568
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ9 Mercedes Benz SLR Mclaren $495,000
อันดับ9 Mercedes Benz SLR Mclaren $495,000
10 อันดับรถที่แพงที่สุดในโลกในตอนนี้ : อันดับ10 Porsche Carrera GT $440,000
อันดับ10 Porsche Carrera GT $440,000

10 มหาเศรษฐี และประสบความสำเร็จ ระดับโลก ที่เรียนไม่จบมาหวิทยาลัย

อ่าน FW email เรื่อง 10 คนรวย ไม่จบมหาลัย เมื่อหลายเดือนที่แล้ว รู้สึกชอบ ที่ได้ข้อคิด เรื่องความตั้งใจ ความพยายาม โอกาสและความพร้อม ซึ่ง บุคคลเหล่านี้ "มี" และสำคัญเหนือกว่า ดีกรี หรือใบปริญญา ที่พาให้เค้าประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน และสร้างธุรกิจระดับยักษ์ บรรลือโลก ไว้หลายแบรนด์ อีกทั้ง ยังนั่งคุมคนจบ ปริญญา หลายพันคน ให้ทำงานให้ ... เรื่องนี้ webmaster ขอสรุปได้ว่า ในโลกธุรกิจ อะไรๆๆๆๆ ก็เกิดขึ้นได้ จริงๆ นะคะ
เริ่มรู้จัก บุคคล เหล่านั้นกันดีกว่าค่ะ
1. Richard Branson : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Virgin
ด้วยภาพลักษณ์นักธุกิจนอกกรอบ ตำราไหนว่าแน่พี่ขอแหก เสาะแสวงหาความท้าทาย ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ เลิกเรียนตั้งแต่อายุ 16 มาเอาดีด้วยการทำนิตยสารสำหรับนักเรียนเป็นธุรกิจ ค่อยๆ ขยายธุรกิจอื่นๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่สายการบิน เป็นเพลย์บอยแถมรวยภาพที่ปรากฏก็เลยแสบๆ อย่างที่เห็น
2. CoCo Chanel : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Channel
เธอเกิดมากำพร้า เริ่มอาชีพเป็นเพียงช่างเย็บผ้า ในยุคที่สตรีต้องตัดชุดสตรีเท่านั้น แชนแนลผลักดันตัวเองอย่างกล้าหาญด้วยการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและผสมผสานเนื้อผ้า สร้างเอกลักษณ์ให้ผลงานของเธอ แต่ที่สร้างชื่อให้เธอเป็นที่จดจำตลอดกาลคือ คือ น้ำหอม แชนแนลหมายเลข 5 อันโด่งดังนั่นเอง
3. Michael Dell : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dell
ไปไหนก็จะเห็นคอมพิวเตอร์-โน้ทบุ๊คยี่ห้อ Dell กันใช่ไหม ผู้ก่อตั้งคือ ไมเคิล เดลล์ เขาหยุดเรียนตั้งแต่อายุ 19 มาก่อตั้งบริษัท PC's Limited ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Dell, Inc และผันตัวเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในโลก ในปี 1996 เดลล์ได้มอบทุนให้มหาลัยเทกซัสจำนวน 50 ล้านเหรียญ (ราวๆ 2,000 ล้านบาท) เพื่อยกระดับสุขภาพและการศึกษาของเยาวชน
4. Henry Ford : ผู้ก่อตั้ง Ford Motor
เขาออกจากบ้านตอนอายุ 16 ปีเพื่อเป็นช่างยนต์ ภายหลังก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ซึ่งรถที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกคือรุ่น Ford Model T ผลกำไรทำให้ขยายกิจการ และริเริ่มวางสายการผลิตแบบอัตโนมัติ
5. Bill Gates : ผู้ก่อตั้ง Microsoft
ติด อันดับมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกปี 1995 - 2006 ช่วงวัยรุ่นหยุดเรียนเพราะมุ่งมั่นมากที่ จะตั้งบริษัทผลิตซอฟท์แวร์ ชื่อความหมายเล็กจิ๋วว่า บริษัทไมโครซอฟท์ รวยล้นฟ้าแล้วยังใจบุญ เพราะครอบครัวบิลก่อตั้ง มูลนิธิ บิล & มาลิดา เกตส์ คอยช่วยเหลือด้านการศึกษาและสุขภาพแก่คนทั้งโลก
* ขวัญใจ webmaster เลยค่ะ ตามอ่านประวัติ และแนวคิดเขา หลายอย่างน่าสนใจมาก
6. Steve Jobs : ผู้ก่อตั้งและสร้างความยิ่งใหญ่ ให้แบรนด์ Apple
เรียนมหาวิทยาลัยได้เทอมเดียวก็ไปทำงานให้กับ บริษัท อาตาริ ก่อนที่จะควบรวมเป็น บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ แต่ชื่อมันยาว เดี๋ยวนี้เลยตัดเหลือเพียง แอปเปิ้ล แบรนด์ล้ำๆ ที่ทำให้คนทั้งโลกคลั่ง กับผลงานล่าสุดอย่าง iPad และ iPhone 4 ครั้งหนึ่งสตีฟ จ็อปส์เคยเป็น CEO ให้ Pixar ก่อนที่จะควบรวมกับ วอลท์ ดีสนีย์
* ขวัญใจอีกคนค่ะ ประวัติความเป็นมา หามาอ่านกันนคะ ข้อคิดดีๆ เยอะเลย
7. James Cameron : ผู้กำกับระดับออสการ์
หยุด เรียนตอนปี 2 ไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนด้าน สเปเชียล เอฟเฟค ด้วยตนเอง จากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในห้องสมุด หลังจากดูหนัง สตาร์วอร์ จึงเลิกขับรถบรรทุก ไปหางานในวงการภาพยนตร์ทำ จากงานผู้ช่วย ก็ผันมาเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานที่กลายเป็นตำนาน อย่าง คนเหล็ก 2, ไททานิค และ ภาพยนตร์ 3D สุดอลังการอย่าง อวาตาร
8. Lady Gaga : นักร้องซุปเปอร์สตาร์ หลุดโลก(สุดๆค่ะ)
กว่าจะเป็นราชินีเพลงป๊อปแดนซ์และเจ้าแม่แฟชั่นหลุดโลกคนนี้ เธอหัดเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เริ่มเขียนโน้ตเปียโนตอน 13 พออายุ 17 ปีก็แต่งเพลงเอง จนกระทั่งปีสองเทอมสอง เธอหยุดเรียนและหันไปเอาดีในอาชีพดนตรี ด้วยเงินเพียงน้อยนิด จนประสบความสำเร็จในชื่อ "เลดี้ กาก้า" ที่ทั้งโลกรู้จัก ชื่อที่ผันมาจากชื่อเพลง "เรดิโอ กา ก้า"
9. Tiger Woods : นักกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลก
เล่นกอล์ฟตั้งแต่เดินได้ โชว์วงสวิงให้โลกตะลึงตอนอายุ 2 ขวบ เอาชนะพ่อตัวเองได้ตอน 11 ขวบ หลังจากคว้าแชมป์รายการดังมากมาย จึงตัดสินใจหยุดเรียนและเปลี่ยนเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ ขณะอยู่ปี 2 ผูกขาดตัวเองเป็นนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกมานานหลายปี
แม้ไม่เคยเรียน จบแต่ตีกอล์ฟจนได้ดี ปริญญาสาขาต่างๆ ก็มาประเคนให้ ครั้งนึงรัฐมนตรีบ้านเราบ้าจี้เชิญมามอบแล้วบอกว่าวู๊ดส์เป็นคนไทย พี่เสือแกสวนทันทีว่าไม่ใช่ ผมเป็นอเมริกัน ท่านๆ หน้าแหกกันเป็นแถว
แต่ .. แอบมีเรื่องส่วนตัว ที่ไม่ควรเอาอย่าง อิอิ
10. Mark Zuckerberg : ผู้ก่อตั้ง Facebook
ผู้ก่อตั้ง Facebook ที่คนทั้งโลกติดกันงอมแงม พัฒนาเฟสบุ๊คกับเพื่อนร่วมชั้น ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ที่ ฮาวาร์ด หลังจากที่เฟสบุ๊คได้รับความนิยมและทำเงินมหาศาล ก็หยุดเรียน เพื่อเป็นผู้บริหารของเฟสบุ๊คเต็มตัว ปัจจุบันเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก โดยปี 2010 นี้มีทรัพย์สินมูลค่าถึง 4 พันล้านดอลล่าร์
* คนนี้ ยกนิ้วให้ 2 นิ้วเลยค่ะ เยี่ยมจริงๆ อายุเพียง 20กว่าๆๆ สำเร็จมากมาย และยังก้าวไปอีกไกล สุดยอดเลย!!

อันดับมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญ ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก


การจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกโดยนิตยสาร Forbes ในแต่ละปีนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า อันดับที่ 1 คือการแย่งชิงกันระหว่าง Carlos Slim Helú เจ้าพ่อโทรคมนาคมของเม็กซิโก (อันดับ 1 ประจำปี 2010), Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsofts และ Warren Buffett พ่อมดแห่งการลงทุน ซึ่งซ้ำซากเช่นนี้มาหลายปี จนแทบไม่มีอะไรน่าสนใจ 
แต่ที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้คนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ก็คือ Forbes ได้จัดอันดับมหาเศรษฐีระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 30,00 ล้านบาท) ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก ประจำปี 2010 มหาเศรษฐีวัยหนุ่มสาวเหล่านี้ กลายไอดอลของคนรุ่นใหม่ที่หวังเจริญรอยตามได้แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี 
เราลองมาดูกันว่า หนุ่มสาวทั้ง 10 นี้คือใคร ? และเพราะอะไร ? พวกเขาจึงมีทรัพย์สินมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทได้ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี 

1. Mark Zuckerberg  

อายุ : 26 ปี
ชาติ : สหรัฐอเมริกา
ทรัพย์สิน : 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Facebook) 
มหาเศรษฐีพันล้านเหรียญที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก เขาคือผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับหนึ่งของโลก หนุ่มน้อย Zuckerberg ใช้ห้องพักในมหาวิทยาลัย Harvard ที่เขากำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 เป็นสถานที่ผลิตเว็บไซต์ Facebook และเผยแพร่ทางอินเตอร์เนตในปี 2004 โดยเริ่มแรกเขามุ่งหวังให้เพื่อนนักศึกษาได้ใช้มันเป็นหนังสือรุ่นออนไลน์ แต่ปรากฏว่า Facebook ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และแผ่ขยายไปยังมหาวิทยาลัยอื่นทั่วสหรัฐอเมริกา โดยถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับติดต่อสื่อสารกัน หรือที่เรียกว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ 

เพียงไม่ถึง 1 ปี เว็บไซต์ Facebook ก็มีจำนวนสมาชิกทะลุ 1 ล้านราย ทำให้ Zuckerberg ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี เพื่อมาบริหารงานเว็บไซต์นี้อย่างจริงจัง และเวลาเพียงไม่ถึง 6 ปี ปัจจุบันเว็บไซต์ Facebook มีจำนวนสมาชิกทั่วโลกกว่า 500 ล้านราย (ประเทศ Facebook มีพลเมืองมากกว่าประเทศไทยเกือบ 8 เท่า) ถ้าวัดจากปริมาณการถูกเข้าใช้งาน เว็บไซต์ Facebook จะมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก (รองจาก Google) โดยมีจำนวน Page Views ประมาณ 20,000 ล้านเพจต่อวัน  
ในปีนี้ Facebook ทำรายได้ประมาณ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 38% จากเมื่อปีก่อน ทำให้ Zuckerberg ที่เป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท มีทรัพย์สินเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวัยเพียง 26 ปี และภายในเวลาเพียง 5 ปีนับจาก Facebook เป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ 

2. Albert Prinz von Thurn und Taxis 

อายุ : 27 ปี
ชาติ : เยอรมนี 
ทรัพย์สิน : 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : มรดกตระกูล  
เจ้าชายพระองค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์ Thurn and Taxis ของเยอรมัน เป็นผู้สืบทอดสมบัติของตระกูลหลังจากบิดาเสียชีวิตเมื่อปี 1990 ได้รับการศึกษาระดับมัธยมที่ประเทศอิตาลี และจบการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ และศาสนา จาก University of Edinburgh ในสก๊อตแลนด์ 
ทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาลที่ได้รับสืบทอดมานั้น ประกอบไปด้วย อสังหาริมทรัพย์ บริษัทด้านเทคโนโลยี และพื้นที่ป่าไม้ 300 ล้านตารางเมตรในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ถือครองพื้นที่ป่าไม้ผืนใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในทวีปยุโรป 
นอกจากจะเป็นมหาเศรษฐีวัยหนุ่มแล้ว เจ้าชาย Albert ยังติดอันดับที่ 11 ของเชื้อพระวงศ์หนุ่มสุดฮอต จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes เมื่อปี 2008 ด้วย 

3. Yang Huiyan 

อายุ : 29 ปี
ชาติ : จีน 
ทรัพย์สิน : 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : อสังหาริมทรัพย์ 
ประธานและ CEO ของ Country Garden บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน เธอได้รับโอนหุ้นมาจาก Yang Guoqiang ผู้เป็นบิดาเมื่อปี 2005 และกลายเป็นหญิงที่ร่ำรวยที่สุดของเอเชียเมื่อปี 2007 จากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes  
ปัจจุบันเธอพยายามขยายการลงทุนออกจากฐานหลักที่มณฑลกวางตุ้ง ไปยังพื้นที่อื่นของจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น การชนะประมูลโครงการพัฒนาที่ดินในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ 

4. Li Zhaohui 

อายุ : 29 ปี
ชาติ : จีน 
ทรัพย์สิน : 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : อุตสาหกรรมเหล็ก 
ขึ้นเป็นประธานบริษัท Shanxi Haixin Iron & Steel Group หลังจากบิดาถูกยิงเสียชีวิตเมื่อปี 2003 บริษัทแห่งนี้มีฐานหลักอยู่ที่มณฑลซานซี เป็นหนึ่งในบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กของเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในจีน ผลิตภัณฑ์หลักประกอบด้วย แร่เหล็ก เหล็กกล้า เหล็กเส้น และปูนซีเมนต์ สินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทมีมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ มีคนงานราว 7,200 คน 
หลังจาก Li Zhaohui ขึ้นมาบริหารงาน เขาได้แตกธุรกิจไปสู่ภาคการเงินด้วย ทั้งบริษัทจัดการกองทุน บริษัทประกัน และบริษัทหลักทรัพย์ ส่วนในด้านชีวิตครอบครัว เขาเพิ่งแต่งงานกับดาราจีนชื่อ Che Xiao ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา 

5. Fahd Hariri 

อายุ : 29 ปี
ชาติ : เลบานอน 
ทรัพย์สิน : 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : การก่อสร้าง และการลงทุน 
ลูกชายคนเล็กของ Rafiq Hariri นักธุรกิจและอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน เขารับช่วงธุรกิจก่อสร้างในบริษัท Saudi Oger ธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากบิดาที่เสียชีวิตลงเมื่อปี 2005 นอกจากนั้นยังมีธุรกิจสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม Future TV ที่แพร่ภาพไปทั่วตะวันออกกลาง และมีรายงานข่าวว่า Fahd Hariri อาศัยอยู่ในดูไบ เพื่อเข้าไปทำโครงการลงทุนที่นั่น เช่น โรงแรมห้าดาวซึ่งจะเปิดให้บริการในเมืองอาบูดาบีในปี 2011 

6. Aymin Hariri 

อายุ : 31 ปี
ชาติ : เลบานอน 
ทรัพย์สิน : 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : การก่อสร้าง และการลงทุน 
ลูกชายอีกคนหนึ่งของ Rafiq Hariri ที่รับช่วงธุรกิจจากบิดาเช่นเดียวกับ Fahd Hariri น้องชายของเขา แต่ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อช่วยขยายธุรกิจของครอบครัวในต่างแดน โดยเฉพาะด้านโทรคมนาคม สื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่พี่ชายของเขาคือ Saad Hariri ช่วยสนับสนุนด้านนโยบายการเมือง ในฐานะนายกรัฐมนตรีของเลบานอนคนปัจจุบัน 

7. Yoshikazu Tanaka 

อายุ : 33 ปี
ชาติ : ญี่ปุ่น 
ทรัพย์สิน : 1,400 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Gree) 
Yoshikazu Tanaka เป็นมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญอันดับที่ 2 ของโลก ที่สร้างความร่ำรวยขึ้นด้วยตัวเอง เป็นรองเพียง Mark Zuckerberg แห่ง Facebook เท่านั้น และธุรกิจของทั้งสองก็อยู่ในประเภทเดียวกันด้วย นั่นคือธุรกิจเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งกำลังบูมสุดๆ ในยุคนี้ 
Tanaka เริ่มงานเป็นพนักงานให้กับบริษัท Sony จากนั้นก็ย้ายไปทำงานให้กับมหาเศรษฐี Hiroshi Mikitani ผู้ก่อตั้ง Rakuten ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทำให้ Tanaka มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเทคโนโลยีเกมจาก Sony และการทำธุรกิจผ่านอินเตอร์เนตจาก Rakuten 
ในปี 2004 เขาจึงสร้างเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ขึ้นมา และให้ชื่อมันว่า Gree โดยได้แรงบันดาลใจมาจากทฤษฎีหกช่วงคน (Six degrees of separation) ของ Stanley Milgram นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ที่ว่า มนุษย์เราทุกคนนั้นล้วนมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงถึงกัน โดยผ่านบุคคลที่เป็นตัวกลางไม่เกิน 6 คนเท่านั้น 
เวลาต่อมา Tanaka ได้ปรับธุรกิจของเขาให้เข้ากับโทรศัพท์มือถือ และกลายเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ผ่านทางเกมออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือ โดยมีผู้สมัครเป็นสมาชิกราวหนึ่งล้านรายต่อเดือน และสมาชิกเหล่านี้ก็คือผู้สร้างรายได้ให้กับเว็บไซต์ Gree ด้วยการซื้อสินค้าเสมือนจริง เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ อาวุธ เวทมนต์ ของวิเศษ ซึ่งจะถูกนำมาใช้ประกอบการเล่นในเกมออนไลน์ 
ปัจจุบัน Gree เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีจำนวนสมาชิกมากเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจาก Mixi แต่ถ้าวัดจากรายได้ Gree จะอยู่ในอันดับที่ 1 

8. John D. Arnold 

อายุ : 36 ปี
ชาติ : สหรัฐอเมริกา 
ทรัพย์สิน : 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : กองทุนพลังงาน 
เขาคือเด็กมหัศจรรย์ของวงการค้าพลังงาน บิดาของเขาเป็นนักกฎหมาย มารดาเป็นนักบัญชี ตัวเขาจบการศึกษาจาก Vanderbilt University ในเวลาเพียง 3 ปี และถูกจ้างโดยบริษัท Enron ในปี 1995 ว่ากันว่า อีก 5 ปีต่อมา เขาคือผู้ทำกำไรจากการซื้อขายพลังงานธรรมชาติผ่านทางอินเตอร์เนตให้กับบริษัท Enron มากเกือบพันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เขาได้รับโบนัสเป็นเงินถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2001 
John D. Arnold ตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง (Hedge fund) ในชื่อ Centaurus Energy ขึ้นมาเมื่อปี 2002 ภายหลังจากที่บริษัท Enron ได้ล้มละลายไป 
กองทุนซื้อขายพลังงานธรรมชาติของเขานี้ สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่ามหัศจรรย์ คือ สูงถึง 85% ในปี 2008 และ 26% ในปี 2009 ทำให้สินทรัพย์ของกองทุนมีมูลค่าถึง 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน 

9. Kostyantin Zhevago 

อายุ : 36 ปี
ชาติ : ยูเครน 
ทรัพย์สิน : 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : ธุรกิจธนาคาร และเหมืองแร่ 
Kostyantin Zhevago เกิดในตระกูลวิศวกรเหมืองแร่ แต่ตัวเขาจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จาก Kiev National Economic University และขณะที่อายุเพียง 19 ปี และยังเรียนอยู่นั้น เขาก็ได้ทำงานไปด้วย โดยเป็นหัวหน้าพนักงานฝ่ายการเงินของธนาคาร Finances and Credit ในยูเครน 
เขาใช้เวลาเพียง 3 ปีก็กระโดดขึ้นมานั่งตำแหน่งประธานของ Finances and Credit ในปี 1996 และพัฒนามันจนกลายเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของยูเครนในปัจจุบัน พร้อมกับกวาดซื้อหุ้นจนเขากลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคาร Finances and Credit  
อีกด้านหนึ่ง Kostyantin Zhevago ก็มาจับธุรกิจเหมืองแร่เหล็กที่ครอบครัวเขาถนัด ด้วยการซื้อหุ้นของ Ferrexpo บริษัทสวิตเซอร์แลนด์ที่เข้ามาทำเหมืองแร่เหล็กในยูเครน จน Kostyantin Zhevago กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทแห่งนี้อีกเช่นกัน เขาสามารถผลักดันจน Ferrexpo กลายเป็นบริษัทแรกของยุโรปตะวันออกที่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน เมื่อปี 2007 
แม้ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จะทำให้ราคาหุ้นของ Ferrexpo ตกลงถึง 94% ภายใน 5 เดือน และ Zhevago ถูกบังคับให้ขายหุ้นออกไปถึง 21% แต่เขาก็ยังคงเป็น CEO ของบริษัทอยู่ ส่วนธนาคาร Finances and Credit ก็ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจไม่น้อยเช่นกัน 

10. Shahid Balwa 

อายุ : 36 ปี
ชาติ : อินเดีย 
ทรัพย์สิน : 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 
ที่มาของความมั่งคั่ง : อสังหาริมทรัพย์ 
Shahid Balwa ต้องออกจากการเรียนแล้วอพยพตามครอบครัวจากแคว้นคุชราตมาอยู่ที่เมืองมุมไบ เขาเริ่มต้นทำธุรกิจร้านอาหาร จากนั้นก็ย้ายมาทำงานโรงแรม ก่อนจะจบลงด้วยการร่วมหุ้นกับสหายรุ่นพี่ชื่อ Vinod Goenka เพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในนามบริษัท DB Realty และ DB Etisalat บริษัทโทรคมนาคมในเวลาต่อมา 
ปัจจุบันบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของทั้งคู่มีพื้นที่พัฒนาโครงการมากถึง 60 ล้านตารางฟุต รวมไปถึงโครงการ Turf Estate ที่เป็นโครงการบ้านพักสุดหรู และโรงแรม Park Hyatt ทางตอนใต้ของเมืองมุมไบ ซึ่งมีความสูงถึง 108 ชั้น และจะเปิดให้บริการในปี 2013 
เป็นที่กล่าวขานกันว่า คู่หูต่างวัย Shahid Balwa และ Vinod Goenka มีสายสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองในรัฐบาลอินเดีย 

10 สุดยอดสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดน่ากลัวมาก

เริ่มกันที่อันดับ 10 Puffer Fish - ปลาปักเป้า
Photobucket
ปลา ปักเปา คือสัตว์มีพิษ ที่มีคนนิยมบริโภคมาก โดยเฉพาะในแถบประเทศญี่ปุ่น (ปลาปักเปาภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฟูกุ) และเกาหลี (ในส่วนของภาษาเกาหลีจะเรียกว่า บ๊อค ฮัง) โดนเนื้อปลาปักเป้านั้น จริงๆแล้ว ไม่ได้มีพิษ แต่ส่วนที่มีพิษก็คือพวก ผิวหนังและเครื่องในของปลาปักเป้านั่นเอา แต่พิษเหล่านี้มักจะซึมเข้าไปในเนื้อตอนแล่ พ่อครัวที่จะแล่ปลาปักเป้า ต้องมีใบอนุญาติกันเลย ถ้าหากกินพิษของปลาปักเป้าไป อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที


อันดับที่ 9 Poison Dart Frog - กบลูกดอก
Photobucket

กบ ลูกดอกสีน้ำเงินนั้นเป็นสัตว์ที่อยู่ในป่าฝนในทวีป อเมริกากลาง และ ใต้ เป็นกบที่มีสีสันสวยงามแต่พิษของมันร้ายแรงมาก พิษของกบลูกดอก 1 ตัว สามารถคนได้ถึง 10 คนและหนูถึง 20000 ตัว พิษของมันเพียง 5 ไมโครกรัม (เท่ากับปลายเข็ม) ก็สามารถฆ่าคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ๆได้
พิษของมันถูกนำมาใช้ในลูกดอกอาบยาพิษของอินเดียแดง มันจึงถูกเรียกว่ากบลูกดอก

อันดับที่ 8 Inland Taipan - งูไทปันโพ้นทะเล
Photobucket
งู ไทปันถูกพบได้มากในทวีปออสเตรเลีย เป็งูที่มีพิษร้ายแรงมาก พิษที่มันปล่อยออกมาจากการกัดหนึ่งครั้ง สามารถฆ่าคนได้ถึง 100 คน หรือหนู 250000 ตัว พิษของมันสามารถฆ่าคนได้ภาพใน 45 นาที แต่อย่างไรก็ตาม งูไทปันเป็นงูที่ค่อนข้างขี้อาย ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีคนตายจากพิษของมัน
อันดับที่ 7 The Brazilian wandering spider -แมงมุมบราซิล
Photobucket
แมงมุมบราซิลหรือแมงมุม กล้วย ได้รับการบันดึกลงในกินเนสเวิลด์เรคคอรด์ว่าเป็นแม่งมุมที่มีพิษร้ายแรงที่ สุดในโลก พิษของมันมีพิษทำลายประสาท พวกมันจะอันตรายอย่างมาก เพราะโดยนิสัยของมันแล้วมันชอบแอบอยู่ตามรองเท้า ตู้เสื้อผ้า แม้กระทั่งในรถยนต์ พิษของมันถ้าโดนกัดนอกจากจะทำให้เจ็บปวดอย่างมากแล้ว มันจะทำให้อวัยวะเพศของเราควบคุมไม่ได้ และ ถ้ารอดตายจากการโดนมันกัด มันก็จะทำให้เราเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ<< อย่างงี้ยอมโดนกัดให้ตายดีกว่ามั้ย?


ต่อกันที่อันดับ 6 Stonefish - ปลาหิน
Photobucket
ถ้าแข่งกันในเรื่องของ ความสวยงามแล้ว ปลาหิน ท่าทางจะแพ้อย่างขาดลอย แต่ถ้าแข่งกันเรื่องความรุนแรงของพิษแล้วละก็ เจ้าปลาหินไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มันได้ชื่อว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของปลาหินนี้จะอยู่ในหนามของตัวมันเอง มีคนบอกว่า ถ้าคุณโดนมันแทงเข้าละก้อ คุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเท่าที่มนุษย์จะเจ็บได้เลยทีเดียว นอกจากจะเจ็บสุดๆแล้ว มันจะทำให้คุณเป็นอัมพาต แล้วก็ตายได้ในที่สุด

มาต่อกันที่ 5 อันดับสุดท้าย ใครจะได้ครองแชมป์ สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก
ต้องชมกันต่อไป

อันดับที่ 5 ได้แก่ Death Stalker Scorpion - แมงป่องพันธุ์ เดธท์ สตอลเกอร์
Photobucket
แมง ป่องโดยทั่วไปนั้น ถึงแม้ว่าจะโดนกัด พิษของมันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมนุษย์ได้มากนัก อาจจะเจ็บปวดนิดหน่อย แต่.....มันไม่ใช่สำหรับแมงป่อง พันธุ์ เดธท์ สตอลเกอร์ เลย เพราะพิษของมันสามารถทำลายระบบ ประสาทได้ ถ้าคุณโดนมันกัด คุณจะปวดอย่างมหาศาล จากนั้นจะตามมาด้วยอาการไข้ขึ้น เป็นอัมพาต และตายในที่สุด แต่ถึงแม้พิษมันจะร้ายแรงมาก แต่มันก็ไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้ แต่ว่า มันจะเป็นอันตรายต่อ เด็ก ทารก คนแก่ อย่างมาก ถึงแม้ว่ามันไม่สามารถที่จะฆ่าผู้ใหญ่ได้ แต่มันก็ทำให้เป็นอัมพาตได้นะ =.=

อันดับที่ 4 Blue-Ringed Octopus - ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน
Photobucket
ปลา หมึกแหวนน้ำเงินนั้นมีขนาดที่เล็กมาก ขนาดประมาณลูกกอลฟ์เท่านั้นเอง แต่ขนาดไม่ใช่ปัญหาสำหรับความรุนแรงของพิษมันเลย เพราะพิษมันสามารถฆ่าคนได้ภายในไม่กี่นาที และที่สำคัญ มันยังไม่มียาแก้พิษ =.= ถ้าโดน ปลาหมึกแหวนน้ำเงินกัดละก็ คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากหรอก แต่ว่า พิษมันจะเริ่มทำลายระบบประสาทของคุณ หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกอ่อนแอ และคุณก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบหายใจการจะเริ่มล้มเหลว หลังจากนั้น ก็ตายในที่สุด >> น่ากลัวไหมล่ะครับ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ
เข้าสู่ 3 อันดับสุดท้ายกันแล้ววววอันดับที่ 3 Marbled Cone Snail - หอยเต้าปูนลายหินอ่อน
Photobucket
หอย เต้าปูน ตัวเล็กๆ สีสันสวยงาม แต่!!! พิษของมันนะหรอ เพียงแค่หยดเดียว สามารถฆ่าคนได้ถึง 20 คน ถ้าคุณเล่นน้ำที่ทะเลที่มันค่อนข้างอุ่นๆ แล้วเห็นเจ้าตัวนี้อยู่ อย่าคิดที่จะหยิบมันมาเล่นเลยนะครับ แค่ดูมันอยู่ห่างๆก็พอแล้ว เพราะถ้าคุณโดนพิษมันเล่นงานละก็ คุณจะปวด หลังจากนั้นก็จะเริ่มบวม ระบบกาหายใจเริ่มล้มเหลว ร่างกายจะคันหยุกหยิก เป็นอัมพาต แล้วก็ตายในที่สุด แต่ยังไงก็ตาม มีรายงานว่ามีแค่ 30 คนเท่านั้นที่ตายเพราะหอยเต้าปูน

อันดับที่ 2 King Cobra - งูจงอาง
Photobucket
งู จงอางหรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ophiophagus hannah เป็นงูพิษที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ด้วยขนาดโตสุดที่ 5.6 เมตร งูจงอางนั้น เรารู้กันว่าอาหารโปรดของมันก็คือ งู !!! นั่นหมายความว่ามันกินสัตว์ตระกูลเดียวกัน และเพียงแค่โดนมันกัดเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนตายได้อย่างง่ายๆ และพิษของมันนั้น สามารถฆ่าช้างที่โตเต็มวัยได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ในส่วนของมันนั้น ส่วนประกอบของมันแตกต่างกับพิษงูโดยทั่วไป ที่สำคัญ มันพบได้ทั่วไป ในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทย



ในที่สุดก็มาถึงอันดับที่ 1 กันเลยยยย
และ สัตว์ที่ครองแชมป์ สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก ได้แก่...

อันดับ 1 ได้แก่ Box Jellyfish - แมงกระพรุนกล่อง

Photobucket
และ แล้วแมงกระพรุนกล่องก็ได้เป็นแชมป์สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก รายงายว่ามันฆ่าคนไปแล้ว 5,567 คน พิษของมันนั้นจะไปทำลาย หัวใจ ระบบประสาท ผิวหนัง และที่สำคัญ ถ้าโดนพิษมันจะเจ็บปวดอย่างที่สุด ส่วนใหญ่คนที่โดนพิษมันนั้น มันที่จะ ช๊อค และหัวใจล้มเหลว ก่อนที่จะกลับเข้าถึงฝั่ง แต่ถ้าคุณโดนพิษมันก็ยังมีโอกาสที่จะรอดอยู่นั่นคือ ต้องรีบเอาน้ำส้มสายชู มาล้างอย่างน้อย 30 วินาที เพราะมันจะทำลายพิษของแมงกระพรุนกล่องก่อนที่มันจะเข้าไปสู่กระแสเลือด


แถมด้วยแมงกระพรุนสวยๆแต่แฝงด้วยพิษร้ายอันน่ากลัว *O*



^
^
^
พวก นี้คือ Bluebubble หรือ Portuguese Man Of War เห็นสวยๆอย่างนี้แต่มันเป็นแมงกระพรุนที่มีพิษร้ายแรงมาก  ถ้าโดนพิษของมัน...จะเป็นอัมพาตและช็อคหมดสติจมน้ำตายไ